วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561

"ศปอส.ตร.!!แถลงผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณีบุกรุกพื้นที่ป่า สร้างบ้านบนเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่!!

"ศปอส.ตร.!!แถลงผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน กรณีบุกรุกพื้นที่ป่า สร้างบ้านบนเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่!!

ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและสลับซับซ้อน มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำผิด รวมทั้งคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ

   ​

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการกระทำผิดทางอาญาที่เป็นนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) โดยมีพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศูนย์ฯ มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ได้ทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดมาอย่างต่อเนื่อง

​ต่อมาได้มีผู้ร้องเรียนผ่านหน่วยงานของรัฐและสื่อสังคมออนไลน์ว่า ในพื้นที่ใกล้เคียงกิจการ หลุบพญารีสอร์ท มีการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมาย และมีการบุกรุกพื้นที่ป่าบริเวณเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และต่อมามีการโพสต์วีดีโอเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวลงในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ

​เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี, เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ โดยอาศัยหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ ๑๐๕๐/๒๕๖๑ พบว่า มีการปลูกสร้างบ้านพักยกสูง(ยังไม่แล้วเสร็จ) จำนวน 1 หลัง, ฐานสะพานสลิง และพื้นยกระดับ รวมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 3 รายการ คิดเป็นพื้นที่ความเสียหายจำนวน 1-2-86 ไร่ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ชื่อว่า “เกาะพญาไม้” ซึ่งมีระยะห่างจากฝั่งติดกับพื้นที่หลุบพญารีสอร์ทประมาณ 30 เมตร อันเป็นความผิดฐาน “บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ” ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้าให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว แต่ในส่วนสัตว์ป่าคุ้มครอง ไม่พบว่ามีการครอบครองแต่อย่างใด อีกทั้งยังพบว่า ในพื้นที่ของหลุบพญารีสอร์ทมีสิ่งปลูกสร้างหลายรายการล่วงล้ำเข้าไปยังแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.๒๔๕๖

 ​จากนั้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้, เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า, เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน, เจ้าหน้าฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ของหลุบพญารีสอร์ท อีก 1 ครั้ง ตามหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ มค.๑๐๕๓/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ เพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบหลุบพญารีสอร์ท พบว่า มีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง(กันน้ำเซาะ) และชานพักคอนกรีตเสริมเหล็กอีก 2 หลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่ายืนยันว่า สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวรุกล้ำแม่น้ำแควใหญ่จริง และได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องต่อไป

​เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้ตรวจสอบพบว่า กิจการหลุบพญารีสอร์ท ไม่เคยยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องต่อไป
​ในส่วนเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ได้ร่วมกันตรวจสอบเอกสารสิทธิในการครอบครองที่ดิน พบว่า ตัวแทนกิจการหลุบพญารีสอร์ทได้นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 6 ฉบับ มาแสดงต่อเจ้าพนักงาน แต่จากการรางวัดที่ดินประกอบกับการนำชี้แนวเขตของตัวแทนข้างต้น พบว่า กิจการหลุบพญารีสอร์ทมีการใช้พื้นที่เกินกว่าสิทธิที่ได้รับ ประมาณ 12 ไร่ ซึ่งในส่วนดังกล่าวหากไม่มีเอกสารสิทธิอื่นมาแสดง ก็จะต้องถือว่าเป็นการกระทำความผิดฐาน “บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ” เช่นกัน และจะได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องต่อไป

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
​พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๕๔ “ห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือ กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้ จำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรมและรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือโดยได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” อัตราโทษ จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

​พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.๒๔๕๖ มาตรา ๑๑๗ “ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทยหรือบนชายหาดของทะเลดังกล่าว เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า” อัตราโทษ ปรับโดยคำนวณตามพื้นที่ของอาคารหรือสิ่งอื่นใดในอัตราไม่น้อยกว่าตารางเมตรละห้าร้อยบาทแต่ไม่เกินตารางเมตรละหนึ่งหมื่นบาท

​พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.๒๕๔๗ มาตรา ๑๕ “ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบธุรกิจโรงแรม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด” อัตราโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่!!

#ทีมงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายอำนวยการ 5 : พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ. 5 บก.อก.สตม.:สายด่วน 1178 !!

:ทีมข่าว Thailandpressnews รายงาน!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"รอง ผบช.ภ.9/รอง ผบช.ศปก.ตร. สน. เป็นประธานเปิด การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้นำหน่วย ของตำรวจภูธรภาค9/ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห...