"ศปอส.ตร.!!แถลงข่าวรับตัวผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย จากราชอาณาจักรกัมพูชา กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย!!
ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามเครือข่ายแก็งคอลเซ็นเตอร์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่หลอกหลวงประชาชนได้รับความเดือดร้อน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ปรามปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) โดยมอบหมาย พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศูนย์ฯ และให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เป็น รอง ผอ.ศูนย์ฯ ควบคุม กำกับชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ โดยได้ทำการสืบสวนและปราบปรามจนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง
ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2561 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมคณะทำงาน ได้ร่วมกันหารือกับทางการราชอาณาจักรกัมพูชา และได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาขบวนการแก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นฐานที่ตั้ง จึงได้บูรณาการกำลังเข้าทำการตรวจค้น พบผู้ต้องหาคนไทย 26 คน โดยมีผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 25 คน และอีก 1 คน ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน และถูกดำเนินคดีในราชอาณาจักรกัมพูชา นั้น
ต่อมาวันที่ 22 ธ.ค.61 เวลา 12.00 น. ทางการราชอาณาจักรกัมพูชา ได้ประสานส่งตัวผู้ต้องหาคนไทยเกี่ยวกับคดีคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 25 คน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจชุด ศปอส.ตร. และ ตำรวจภูธรภาค 2 จึงได้รับตัวผู้ต้องหาซึ่งมีหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และรับผิดตามที่สมาชิกหรือผู้สมคบได้ลงมือกระผิดฉ้อโกงประชาชนตามที่ตกลงกัน” ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ร่มเกล้า ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในวันนี้ 24 ธ.ค..61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกำลังอรินทราช ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 25 คน มาตรวจร่างกาย และจัดเก็บสารพันธุกรรม โดยแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ และสอบปากคำผู้ต้องหาที่ ศปอส.ตร.
สำหรับการทำงานปราบปรามระหว่างประเทศ ทางการราชอาณาจักรกัมพูชาได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานที่ตั้ง จึงได้หารือแนวทางทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกับทางการไทย จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่สุด ถือเป็นการทำงานตามแนวทาง One World One Team หรือ ตำรวจหนึ่งเดียวทั่วโลก
สรุปผลการประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศ จำนวน 9 ครั้ง / 7 ประเทศ
ครั้งที่ 1 ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2561
จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 คน
เป็นคนไต้หวัน จำนวน 3 คน, คนมาเลเซีย 2 คน
ครั้งที่ 2 ประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 16 ก.พ.2561
จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 37 คน
เป็นคนไต้หวัน 6 คน, คนไทย 26 คน และคนกัมพูชา 5 คน
ครั้งที่ 3 ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 20 ก.พ.2561
จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 16 คน
เป็นคนไต้หวัน 5 คน และคนไทย 11 คน
ครั้งที่ 4 ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองดูไบ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2561
จับผู้ต้องหา จำนวน 24 คน
เป็นคนไต้หวัน 1 คน และคนไทย 23 คน
ครั้งที่ 5 ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มณฑลฝูเจี้ยน เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2561
จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 คน
เป็นคนไต้หวัน 1 คน และคนไทย 6 คน
ครั้งที่ 6 ไต้หวัน เมืองไถ่หนาน เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2561
จับผู้ต้องหา จำนวน 21 คน
เป็นคนไต้หวันทั้งหมด 21 คน
ครั้งที่ 7 ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2561
จับผู้ต้องหา จำนวน 12 คน
เป็นคนไต้หวัน 2 คน และคนไทย 10 คน
ครั้งที่ 8 ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2561
จับผู้ต้องหา จำนวน 19 คน
เป็นคนไต้หวัน 3 คน และคนไทย 16 คน
ครั้งที่ 9 ประเทศเวียดนามเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2561
จับผู้ต้องหา จำนวน 19 คน
เป็นคนไต้หวัน 2 คน และคนไทย 17 คน
Uรวมจับกุมผู้ต้องหา ทั้งสิ้น 160 คน
Uเป็นคนไต้หวัน 44 คน, คนไทย 109 คน, คนมาเลเซีย 2 คน และคนกัมพูชา 5 คน!!
#ทีมงานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายอำนวยการ 5 : พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ. 5 บก.อก.สตม.:สายด่วน 1178 !!
:ทีมข่าว Thailandpressnews รายงาน!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น