“DSI สนธิกำลังพันธมิตรปูพรมตรวจค้นจับกุมการล่วงละเมิดทางเพศเด็กทั่วประเทศ”
ด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ที่กระทำต่อเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ในมิติการล่วงละเมิดทางเพศและการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กบนอินเทอร์เน็ต และได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีชั้นสูงที่ใช้ในการสืบสวนจากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหราชอาณาจักร (National Crime Agency – NCA) และสำนักงานสอบสวนกลาง สหรัฐอเมริกา (Federal Bureau of Investigations - FBI) พร้อมด้วยการสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจ แห่งชาติเนเธอร์แลนด์ (KLPD) ในการพัฒนาบุคลากรด้านการสืบสวนทางไซเบอร์ ภายใต้โครงการ “ลงมือทำ การต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในธุรกิจท่องเที่ยว” ด้วยการสืบค้นหาข้อมูล ส่งต่อ เผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กบนอินเทอร์เน็ต จากการปฏิบัติงานสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับหน่วยงานด้านการข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการปกครอง พบจุดที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เป็นแหล่งสำคัญในการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กบนอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยหลายจุด ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานสามารถกำหนดพื้นที่ในเบื้องต้นได้จำนวน 18 จุด ใน 12 จังหวัดทั่วประเทศไทย ประกอบด้วย เชียงใหม่ 2 จุด พะเยา 1 จุด สิงห์บุรี 2 จุด กาญจนบุรี 1 จุด นนทบุรี 1 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด ภูเก็ต 2 จุด ร้อยเอ็ด 1 จุด สุรินทร์ 1 จุด นครราชสีมา 1 จุด ชลบุรี 2 จุด และระยอง 1 จุด โดยมีผู้ต้องสงสัยทั้งคนไทยและต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อันเป็นความผิดฐานครอบครองและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และอาจเกี่ยวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ด้วย
ในการนี้ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อำนวยการในภารกิจการสนธิกำลังร่วมกันระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยมอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก เขมชาติ ประกายหงษ์มณี รองผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ โดยได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายค้นจุดดังกล่าว และศาลได้อนุมัติหมายค้นทั้งหมด ต่อมาในวันที่ 26 ธันวาคม 2561 หน่วยงานที่ร่วมสนธิกำลังได้แบ่งกำลังนำหมายศาลเข้าตรวจค้นพร้อมกันทั้ง 18 จุด ภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติการเสือดาว” หรือ “Operation Leopard” ผลการตรวจค้น พบพยานหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการกระทำความผิดทั้งหมด 8 จุด ใน 8 จังหวัด มีการตรวจยึดวัตถุพยานทางอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 24 ชิ้นไว้เป็นหลักฐาน ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 7 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง ฮาร์ดดิสก์สำหรับเก็บข้อมูล จำนวน 11 ตัว แท็บเล็ต (Tablet) 1 เครื่อง และเราเตอร์ (Router) 2 ตัว และมีการจับกุมผู้กระทำความผิดรวม 8 ราย ในข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยในจำนวนทั้งหมด เป็นชาวไทยจำนวน 4 ราย และชาวต่างชาติ สัญชาติ อังกฤษ ออสเตรเลีย อิตาลีและฝรั่งเศส จำนวนทั้งหมด 4 ราย นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประสานเบื้องต้นไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ ประจำประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police- AFP) และหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหราชอาณาจักร (National Crime Agency – NCA) เบื้องต้นเพื่อทำการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผู้ต้องหาของประเทศดังกล่าว และร่วมกันป้องกันบุคคลผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเพื่อใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็ก
กรมสอบสวนคดีพิเศษและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะร่วมกันตรวจสอบวิเคราะห์พยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ตรวจยึดได้เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์การกระทำผิดของบุคคลและจะได้สืบสวนสอบสวนเพื่อประสานการดำเนินการและส่งต่อให้พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับเหยื่อที่เป็นเด็ก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้สืบสวนเพื่อพิสูจน์ตัวตนและติดตามช่วยเหลือเด็กผู้เสียหายโดยเร็ว ซึ่งหากเป็นเด็กชาวไทยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ร่วมกับ กรมการปกครอง ตรวจสอบและระบุตัวเด็กผู้เสียหายในพื้นที่ (Victim ID) และขยายผลเพิ่มเติมว่าการกระทำดังกล่าวมีลักษณะเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่เพื่อติดตามช่วยเหลือเหยื่อตามขั้นตอน แต่หากเหยื่อเป็นเด็กชาวต่างชาติจะมีการประสานนำส่งข้อมูลให้องค์กรตำรวจสากล (INTERPOL) เพื่อการร่วมมือค้นหาและแบ่งปันข้อมูลการละเมิดเด็กผ่านฐานข้อมูล International Child Sexual Exploitation (ICSE) ของตำรวจสากลต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผ่านสื่อมวลชนว่า ปัจจุบันการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นและส่งต่อสื่อลามกเด็กในกรณีดังกล่าว ถือเป็นความผิดตามกฎหมายประเทศไทย มีโทษจำคุกและปรับ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนพึงระมัดระวังในการครอบครองสื่อลามกอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย !!
#ทีมประชาสัมพันธ์กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)
:ทีมข่าวThailandpressnews รายงาน!
ไม่ว่าจะป่วยหนัก ป่วยเบา ฯลฯ พนักงานมหาวิทยาลัยมีสิทธิลาป่วยได้ ปีละไม่เกิน 120 วันทำการ โดยยังได้รับเงินเดือนตามปกติ ซึ่งไม่ต้องรอรับคำสั่งอนุญาตให้ลาป่วย แบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้ค่ะ
ตอบลบ