วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

"องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)!! เดินหน้ายุทธศาสตร์สู่ “นมแห่งชาติ”ขยายแนวรบสู่ยอดขายหมื่นล้านในปี 62!!

"องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)!! เดินหน้ายุทธศาสตร์สู่ “นมแห่งชาติ”ขยายแนวรบสู่ยอดขายหมื่นล้านในปี 62!!

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงยุทธศาสตร์ “นมแห่งชาติ” ว่า ปัจจุบัน อ.ส.ค. เดินหน้ายุทธศาสตร์องค์กรตามแผนวิสาหกิจของ อ.ส.ค. ปี 2560-2564 สำหรับปีงบประมาณ 2562 ซึ่งเป็นปีที่เราต้องเร่งก้าวไปสู่การเป็น “นมแห่งชาติ” ในปี 2564 ให้ได้ ซึ่งมี 4 ภารกิจ คือ 

1. ผลประกอบการทางธุรกิจที่จะต้องทำยอดขายให้ได้ในปี 2562 กว่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอดขายในปี 2561 ที่ขยับขึ้นมาถึง 9,000 กว่าล้านบาทแล้ว 

2. การเป็น Top of Mind ของอุตสาหกรรมนม 

3. การเป็นศูนย์กลางความรู้เกี่ยวกับโคนมของประเทศไทย 

4. การยกระดับการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีขีดความสามารถสูง”


สำหรับยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุเป้าขาย 1 หมื่นล้านบาทนั้น ดร.ณรงค์ฤทธิ์ เปิดเผยถึงการขยายแนวรบของแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คเพิ่มเติมว่า “ล่าสุด เราเปิดตัวสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพิ่มเติม อีกทั้งเป็นเซ็กเม้นท์ที่ตลาดยังว่าง ด้วยผลิตภัณฑ์ “ไทย-เดนมาร์ค แลคโตส ฟรี” (Thai-Denmark Lactose Free) ทางเลือกใหม่ของนมพร้อมดื่ม ยูเอชที ภายใต้ Key Message “นมดีไม่แพ้ ของแท้ไม่ผสม”เจาะตลาดกลุ่มผู้แพ้น้ำตาลแลคโตส ด้วยผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ปราศจากน้ำตาลที่ผลิตจากนมโคสดแท้ 100% ที่นำมาผ่านกระบวนการผลิตพิเศษที่ย่อยแลคโตสให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลที่เล็กลง ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น ดื่มง่าย สบายท้อง แต่ยังคงความหวานจากน้ำตาลธรรมชาติในนมและมีรสชาติความอร่อยเหมือนนมโคทั่วไป และจะขยายช่องทางการวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อให้ทั่วถึงและครอบคลุมมากขึ้น”

นอกจากนี้ อ.ส.ค. ยังขยายฐานช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้ตอบรับกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่และกลุ่มครอบครัวให้มากขึ้น  ด้วยการเปิดร้าน “ไทย-เดนมาร์ค มิลค์แลนด์”  สาขาที่ 3 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โซนสุขสยาม ชั้น UG เป็นสาขาที่ 3 ต่อจากสาขา 1 ที่ตั้งอยู่ในบริเวณโรงงาน อ.ส.ค. อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และสาขา 2 ตั้งอยู่ ณ บริเวณตลาด อ.ส.ค. อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี  

ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า ร้าน “ไทย-เดนมาร์ค มิลค์แลนด์”สาขาใหม่ล่าสุดนี้จะทำให้เห็นภาพลักษณ์ที่ทันสมัยของแบรนด์นม ไทย-เดนมาร์ค อีกทั้งเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์แนวสุขภาพที่สามารถกระตุ้นการบริโภคนมของคนไทยให้มากขึ้น จากสถิติเดิมที่คนไทยบริโภคนมเพียง 18 ลิตร/คน/ปี ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และโครงการนี้เป็นการต่อยอดโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนที่ อ.ส.ค.ดำเนินการมานาน เนื่องจาก “ไทย-เดนมาร์ค มิลค์แลนด์” จะทำให้เราเข้าถึงคนกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดีในทำเลระดับไพรม์ของเมือง ดังนั้น เราจึงมีแผนที่จะเปิด “ไทย-เดนมาร์ค มิลค์แลนด์” ในเมืองต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค จากเดิมก่อนหน้าที่ อ.ส.ค. ได้เปิด “ไทย-เดนมาร์ค มิลค์ช็อป” ในสถาบันการศึกษา ทั้งระดับโรงเรียน – มหาวิทยาลัย เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเราได้อย่างเต็มที่” 

อย่างไรก็ตาม นอกจากการทำตลาดทั้งสินค้าและช่องทางแล้ว ในส่วน Marketing 4.0 อ.ส.ค. ยังเดินตามยุทธศาสตร์ Triple CG - From CG - To CG - By CG ได้แก่ Community Grass หญ้าจากชุมชน   - Consumer Glass นมจากแก้วผู้บริโภค - Corporate Governance  ธรรมาภิบาลขององค์กร ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำ ซึ่งกำกับดูแลควบคุมด้วยธรรมาภิบาลขององค์กร พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDG) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

ทั้งนี้ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า สำหรับปี 2562 อ.ส.ค. มีแผนที่จะดำเนินการ เพื่อขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint Label) บนกล่องนม ยูเอชที เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคตระหนักและรับรู้ถึงข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมนมไทยในการแข่งขันตลาดโลก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น โดยก่อนหน้าในปี 2560 อ.ส.ค.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด  

ในปี 2561 ที่ผ่านมา อ.ส.ค. ได้เก็บข้อมูลขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์นมทั้งโซ่อุปทาน นับแต่ต้นน้ำของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม จนถึงกลางน้ำและปลายน้ำ อันได้แก่ การผลิตของ อ.ส.ค. และการจำหน่ายถึงผู้บริโภค ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การประกอบชิ้นส่วน การใช้งานและการจัดการซากผลิตภัณฑ์หรือของเสียหลังใช้งาน โดยคำนวณออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทั้งนี้ นอกจากเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์จะเป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคแล้ว ยังทำให้ อ.ส.ค.ทราบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์นม ยูเอชที ซึ่งจะสามารถปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น สอดรับเทรนด์การตลาด การค้าและเทรนด์การบริโภค ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศได้เริ่มนำฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์มาใช้แล้ว อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นต้น ขณะเดียวกัน ยังมีการเรียกร้องให้สินค้าที่นำเข้าจากไทยต้องติดเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วย”

นอกจากนี้  ในปี 2562 อ.ส.ค. ยังจะสนองนโยบายของ กรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการลดขยะถุงพลาสติกในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ซึ่งจากเดิมที่เคยใช้นมพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งเป็นถุงพลาสติกมาเป็นนมกล่อง ยูเอชที เนื่องจากเกิดขยะจากถุงพลาสติกวันละหลายตันและกลายเป็นขยะและเป็นภาระที่ต้องกำจัดต่อไป แต่ถ้าใช้กล่องนมก็ยังสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ โดย อ.ส.ค.ยังมีแผนขยายแคมเปญรีไซเคิลกล่องนมไปทั่วทุกภูมิภาค ด้วยการทำโครงการหลังคาเขียว ซึ่งจะเริ่มกับ โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ระหว่าง อ.ส.ค. – กรุงเทพมหานคร- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท เต็ตตร้า แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อก จำกัด บริษัท ไฟเบอร์พัฒนา จำกัด เป็นต้น !!


ภาพ-ข่าว  วรวิทย์ คำเสียง(อู๊ดอิสระ) ผู้สื่อข่าว จ.สระบุรี!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"รอง ผบช.ภ.9/รอง ผบช.ศปก.ตร. สน. เป็นประธานเปิด การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้นำหน่วย ของตำรวจภูธรภาค9/ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห...