พี่เลี้ยงคนพิการผวาถูกขู่เรียกเงินคืนตบเท้าแจ้งความ
จากกรณีตัวแทนผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ ออกมาร้องเรียนเรื่องเงินค่าแรงผู้ดูแลคนพิการ ในโครงการจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 คนละ 1 แสนบาทต่อปี หรือเดือนละเกือบหมื่นบาทถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอก ด้วยวิธีให้เปิดบัญชีทำงาน จากนั้นเก็บบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีก่อนจ่ายให้รายเดือนแค่คนละ 2,000-4,000 บาท ขณะที่มีการโอนเงินเข้าจริงเกือบหมื่นบาท เชื่อมีขบวนการสูบเลือดคนพิการแฝงในระดับชมรมถึงระดับสูง เรียกร้องเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการตรวจสอบ ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ โดยมอบหมายนายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กำกับดูแล ล่าสุด นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ พร้อมคณะได้เดินทางมาขอทราบผลการตรวจสอบจากทาง จ.กาฬสินธุ์ ตามข่าวที่เสนอแล้วนนั้น ล่าสุดทีสภ.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นางฐานิดา อนุอัน อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 1 ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นางไพรศรี เรือนพิศ อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 19 หมู่ 6 ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ และตัวแทนเครือข่ายผู้ปกครองคนพิการ ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท. สมภาร แสนคำ รองผกก.(สอบสวน) สภ.หนองกุงศรี และ พ.ต.ต.วสุวัฒน์ หลานวงศ์ สารวัตรสอบสวน สภ.หนองกุงศรี นางไพรศรี เรือนพิศ กล่าวว่าตนและผู้ปกครองคนพิการ 10 คน ได้ทำสัญญากับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ตามโครงการจ้างเหมาดูแลคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งบริษัทดังกล่าวติดต่อผ่านทางสำนักงานจัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ และชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งตนเป็นผู้ดูแลเด็กชายยศกร แพงสา อายุ 11 ปี หลานชาย ทั้งนี้ตามสัญญาระบุวันทำสัญญาวันที่ 1 มกราคม 2561 ระยะ 1 ปี ซึ่งจะได้รับค่าจ้างเดือนละ 9,125 บาท 3 เดือนจ่ายหนึ่งครั้ง โดยทางชมรมได้เก็บสมุดเงินฝากและบัญชีธนาคารไว้ ขณะที่ตนได้รับค่าจ้างจริงเพียงเดือนละ 4,500 บาท และทราบภายหลังว่าผู้ปกครองคนอื่นได้รับไม่เท่ากัน เช่น 2,000-4,000 บาท ด้านนางฐานิดา อนุอัน กล่าวว่าขณะนี้ตนยังไม่ได้รับสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มคืน ทั้งๆที่มีการเจรจากันเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ โดยคณะกรรมการได้นัดให้ตนไปรับคืนที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พร้อมจะคืนเงินที่ถูกทางชมรมหักไว้ประมาณ 60,000 บาท แต่พอไปติดต่อกลับถูกเจ้าหน้าที่สำนักงาน พมจ.กาฬสินธุ์กล่าวหาและต่อว่าตนเป็นคนสร้างปัญหาที่ไปร้องเรียน ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายผิด ซึ่งได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.สหัสขันธ์ไว้แล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561ที่ผ่านมา
นางฐานิดา กล่าวอีกว่า นอกจากตนและนางราตรี คามุลทา จะออกมาร้องเรียนแล้ว ยังมีนางไพรศรี เรือนพิศ ออกมาร้องเรียนและแจ้งความ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการตรวจสอบ กลับพบว่าทางประธานชมและคณะกรรมการตรวจสอบบางหน่วยงาน มีพฤติการณ์ช่วยเหลือกัน และพยายามหาทางไกล่เกลี่ย ที่น่าตกใจคือทวงเงินส่วนต่างคืน โดยขับรถไปขอเงินคืนเชิงข่มขู่กับนางราตรี 8,000 บาท โดยบอกว่าถ้าไม่ให้คืนจะมีรถตู้สำนักงาน พมจ.กาฬสินธุ์มาจอดหน้าบ้าน และล่าสุดเมื่อวานนี้ ไลน์มาขอคืนกับนางไพรศรี 9,625 บาท โดยอ้างว่าเป็นเงินส่วนต่าง ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นพฤติกรรมข่มขู่ สร้างความหวาดระแวงให้กับคนแก่ และคนพิการ จึงได้มาแจ้งความ เพื่อหลักฐานส่งให้เครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ พร้อมคณะและตัวแทนผู้ปกครองคนพิการ 10 คน ได้นำหนังสือร้องเรียนเรียกร้องสิทธิ์ให้คนพิการมายื่นต่อนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พ.อ.มานพ ไขขุนทุด รอง ผอ.กอ.รมน.จ.กาฬสินธุ์ นายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ และผู้แทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.)กาฬสินธุ์ เป็นผู้รับเรื่องนั้น ประเด็นที่ต้องการคือทวงสิทธิ์ตามมาตรา 35 และให้มีการตรวจสอบ ไต่สวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ หากเป็นข้าราชการหรือลูกจ้าง ก็ให้ดำเนินการตามระเบียบ ข้อกฎหมายไม่มีละเว้นและเป็นไปตามนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล คสช.โดยนายสนั่น พงษ์อักษร รองผวจ.กาฬสินธุ์ รับปากว่า จะเร่งดำเนินการพิจารณาตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน//ยุทธนา จ.กาฬสินธุ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น